
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวเศร้าเรื่องที่เด็กนักเรียนคนหนึ่งถูกเพื่อนๆ รุมทำร้ายในโรงเรียน โดยมีคลิปที่มีภาพการทำร้ายรุนแรงหลุดออกมาในโลกออนไลน์
เกิดคำถามแก่พ่อแม่ผู้ปกครองว่า
เราจะรู้ได้อย่างไร? ว่าลูกเราถูกบูลลี่ในโรงเรียน
เพราะส่วนใหญ่ ไม่ได้มีคลิปหลุดแบบนั้น
ผู้ใหญ่จึงต้องทราบวิธีสังเกตอาการที่บอกว่าเด็กถูกบุลลี่หรือไม่ และควรจะทราบว่าถ้าสงสัยว่าเด็กถูกบุลลี่ ควรทำยังไงบ้าง
1) เด็กอาจไม่บอกว่าถูกบุลลี่ตรงๆ (เด็กบางคน อยู่ดีๆก็กลัวการไปโรงเรียน แบบไม่มีสาเหตุ การเรียนตกลง เมื่อซักประวัติเพิ่มเติม เด็กจึงยอมรับว่าถูกเพื่อนขู่เอาเงิน และทำร้ายร่างกาย)
ควรมองหาอาการแสดงบางอย่าง เช่น เมื่อกลับจากโรงเรียนแล้วเสื้อผ้าฉีกขาด ข้าวของเสียหรือหาย ร่างกายเด็กมีรอยแผลหรือรอยช้ำที่ไม่ทราบสาเหตุ มีอาการเจ็บตามตัวไม่ทราบสาเหตุ
2) เด็กบางคนอาจมีอาการเศร้า เงียบแยกตัว บางทีอาจจะอารมณ์แปรปรวนง่าย นอนไม่หลับ ฝันร้าย (เคสของเด็กอนุบาลที่ถูกครูทำร้าย ที่ตอนแรกเด็กไม่ยอมไปโรงเรียน และร้องไห้งอแงฝันร้ายว่ากลัวโรงเรียน)
3) เด็กส่วนหนึ่งไม่อยากบอกครูหรือพ่อแม่ว่าถูกบุลลี่ เพราะว่า อาจจะกลัวจะถูกบุลลี่มากขึ้น ถูกขู่มาก่อนว่าห้ามไปบอกใคร หรือกลัวถูกล้อว่าขี้ฟ้อง
4) หากสงสัยว่าลูกอาจจะถูกบุลลี่ พ่อแม่ควรจะต้องพูดคุยกับลูก บอกเด็กว่าเราเป็นห่วง ทำให้เด็กรู้ว่าเราพร้อมที่จะอยู่ข้างๆ และปกป้องช่วยเหลือ
5) ถ้าเด็กยังไม่พูด เราไม่ต้องบังคับหรือเค้นถาม เค้าอาจจะไม่กล้า หรือไม่พร้อม ก็บอกเด็กว่า อย่างไรพ่อแม่ก็อยู่ข้างๆพร้อมที่จะช่วยเหลือ
6) ถ้าสงสัย ก็ควรพูดคุยกับครู(หลายๆท่าน) เพื่อนของลูกคนอื่นๆ(หลายๆคน) ถึงลักษณะของเด็กที่โรงเรียน เช่น เด็กเข้ากับเพื่อนได้ดีหรือไม่ มีอาการอะไรหรือสัญญาณที่ครูคิดว่าเด็กน่าจะถูกบุลลี่หรือไม่
7) เมื่อวันไหนที่เด็กบอกผู้ใหญ่ว่าถูกบุลลี่ แสดงว่าเด็กต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ถ้าถึงเวลาที่เด็กเล่าให้ฟัง พ่อแม่ก็ควรรับฟัง สนใจที่จะช่วยเหลือ อย่ามองว่าเด็กล้อเล่น ทำเป็นเรื่องตลกขบขัน
8)อย่าเพิ่งไปตั้งแง่ว่าที่ถูกกระทำเพราะตัวเด็กเป็นสาเหตุหรือไม่ เช่น ครูที่ทำ เพราะลูกไปทำอะไรก่อนหรือเปล่า เช่น ถามเด็กว่า “นี่คงไปทำอะไรก่อน ไม่งั้นเค้าจะมาทำหนูทำไม” เป็นต้น เด็กจะรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจ ทำให้เมื่อเกิดเรื่องอีกเขาจะไม่เล่าให้พ่อแม่ฟังอีก
9) ถ้าเด็กมาเล่าให้ฟังให้ชมเชยในความกล้าที่เด็กมาเล่าให้ฟัง แสดงความเข้าใจและเห็นใจที่เด็กถูกกระทำ
10) พ่อแม่ควรแจ้งให้โรงเรียนทราบเหตุการณ์ การบุลลี่คงไม่หยุดหากผู้ใหญ่ในโรงเรียนไม่ทราบและไม่ช่วยเหลือ เวลาที่พ่อแม่ไปคุยกับครู ควรควบคุมอารมณ์ตัวเองให้นิ่ง บอกรายละเอียด ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แสดงให้โรงเรียนเห็นว่าที่เรามาบอกเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เพื่อลูกของเราและเด็กคนอื่นปลอดภัยจากการถูกบุลลี่
11) สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ เรื่องความปลอดภัยของเด็ก ที่โรงเรียนจะต้องทำให้พ่อแม่และเด็กมั่นใจเพียงพอว่าจะสามารถป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นกับตัวเด็กได้
12) สำหรับพ่อแม่ที่ลูกๆยังไม่ถูกบุลลี่ ก็สามารถเตรียมพร้อมให้เด็กรับมือกับการบุลลี่ได้ เริ่มด้วยการปลูกฝังความเชื่อมั่นในตัวเองให้เด็ก ให้เด็กเรียนรู้ทักษะในการจัดการกับปัญหา เช่น ฝึกให้เด็กแก้ปัญหาด้วยตัวเองในเรื่องง่ายๆ เมื่อเด็กรู้สึกว่าเขาก็มีความสามารถทำได้ เมื่อนั้นเด็กก็จะค่อยๆรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ความกล้าก็จะตามมา ดีกว่าเด็กที่ไม่เคยทำอะไรเองเลย
13) ผู้ใหญ่ควรสอนวิธีการสร้างความปลอดภัยจากการบุลลี่ ให้เด็กรู้จักขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ควรมาบอกพ่อแม่ เด็กควรเข้าใจและมีค่านิยมที่ถูกต้อง ว่าการขอความช่วยเหลือเวลาที่ถูกรังแก เช่น บอกพ่อแม่ ไม่ได้หมายความว่าเด็กเป็นคนขี้ฟ้อง
14) สิ่งที่สำคัญคือ พ่อแม่ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก ให้เด็กไว้ใจพ่อแม่ เมื่อนั้นเด็กก็จะกล้าที่จะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้พ่อแม่ฟัง เพราะเด็กรู้ว่า มีพ่อแม่ที่สามารถเป็นที่พึ่งเมื่อเด็กต้องการ ถ้าเด็กเล่าให้พ่อแม่ฟังตั้งแต่แรก ก็น่าจะป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้นได้
/ ที่มา
พญ.เบญจพร ตันตสูติ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น
เพจ เข็นเด็กขึ้นภูเขา
#บูลลี่ในโรงเรียน
#โรงเรียนประทีปธรรมมูลนิธิ_กระบี่